“ตัวอย่างหนังที่ทำท่าเหมือนจะเล่าเรื่องทั้งหมดไปแล้ว เป็นเพียงแค่อินโทรเท่านั้น นี่คือหนังที่ทำให้นึกย้อนถึงเพื่อน ย้อนนึกถึงวัยเรียนมาก”
เพื่อน(ไม่)สนิท เป็นหนังที่เห็นตัวอย่างครั้งแรกแล้วก็ต้องอุทานว่า “อะไรวะเนี่ย” เพราะหนังเหมือนจะบอกเล่าจุดปะทะ และจุดไคลแม็กซ์ในหนังไปแล้ว แล้วเราจะต้องลุ้นอะไรอีกงั้นเหรอ ? แต่ด้วยความที่ตัวอย่างมันเล่าแบบนี้แหละ ก็เลยรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรสิ ค่ายนี้เคยซีเรียสเรื่องสปอยล์ คงไม่สปอยล์หนังตัวเองตั้งแต่ตัวอย่าง …ซึ่งก็เป็นจริงดังคาด มวลความรู้สึกที่เดา ๆ ไว้จากที่เห็นในหนังตัวอย่าง มันเป็นแค่อินโทรของเรื่องเท่านั้น หนังเรื่องนี้มีปมใหญ่ ๆ ในเรื่องอีกหลายปม
เพื่อน(ไม่)สนิท เป็นหนังที่ดูจะมีหลายแนวอยู่ในตัว แต่หลาย ๆ แนวก็ไม่ได้ไปสุดโต่ง แบบที่เราคาดหวังไว้ในทีแรก ซึ่งโดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าหลายคนจะคิดว่าหนังเรื่องนี้จะตลกสุดโต่ง แล้วจบแบบประทับใจ Feel Good แต่พอดูแล้วมันกลับไม่ใช่แบบนั้น แม้จะมีทั้งตลก และ Feel Good ก็เถอะ ช่วงแรกของหนังแค่เป็นการโปรยเศษขนมปังไว้ เพื่อให้เรามารับมือกับหลากหลายปมที่ทำให้เราปรับอารมณ์ขึ้นลงแทบไม่ทัน มันมีทั้งพาร์ทดราม่า ซาบซึ้ง ประทับใจ ซึ่งหลากหลายความรู้สึกประเดประดังแบบ อัดเข้ามา ตูม ๆ ๆ ในช่วงครึ่งหลัง แบบ…เฮ้ย ทำได้ไง ซึ่งพอมองย้อนกลับไปแล้ว ผมคิดว่าผมชอบลำดับการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้มาก เพราะมันทำให้เรารู้สึกได้หลากหลายอารมณ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งถ้าเล่าแบบเส้นตรงคงไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของเรามันพีคขึ้นเป็นภูเขาได้หลายลูกแบบนี้ โดยที่แต่ละลูกที่มันขึ้นมา ดันไม่ใช่พีคในอารมณ์แบบเดียวกันด้วย
การที่ผมเปรียบกับภูเขาหลายลูก เพราะ เพื่อน(ไม่)สนิท เป็นหนังที่องก์ท้ายสามารถตัดจบไปได้แบบให้เป็นยอดภูเขาลูกเดียวที่พีคสุด ๆ ได้หลายจุดมาก แล้วแต่ว่าอยากจะจบตรงไหน ให้คนดูคิดเห็นแบบไหนไปเลย แต่หนังเลือกที่จะเล่าไปในแบบที่เลี้ยงอารมณ์คนดูขึ้นไปแตะภูเขาลูกแล้วลูกเล่า รวมถึงได้เห็นหลากหลายมุมมองจากแต่ละการกระทำของตัวละคร ซึ่งมันแอบแตกต่างจากหนังที่เลือกจะสุดโต่งไปเลยสักแนว ทำให้ระหว่างดูก็ชวนให้เราหวนนึกถึงเพื่อน นึกถึงวัยเรียน เราอาจจะมีเพื่อนที่เคยสนิท เคยทะเลาะกัน มันอาจจะเป็นเรื่องที่ผ่านเลยไปแล้ว แต่ ณ วันนี้เราก็อาจจะมองเหตุการณ์นั้นต่างออกไป รวมถึงความรู้สึกของเราที่มีต่อเพื่อนที่เคยสนิท หรือ เคยไม่สนิทด้วยเช่นกัน เราอาจจะเคยดราม่ากับเพื่อน ประทับใจกับเพื่อน หัวเราะกับเพื่อน ซึ่งมวลรวมในหนังเรื่องนี้มันก็ทำให้เราหวนคิดถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเลย
โดยรวมแล้ว เพื่อน(ไม่)สนิท เป็นหนังที่ผมมองว่านำเสนอออกมาได้ยอดเยี่ยม และเป็นหนังที่ผมชอบในหลากหลายอารมณ์ที่หนังนำเสนอ ซึ่งส่วนตัวแล้วออกจะชอบมากกว่าหนังหลาย ๆ เรื่องในยุคหลังของ GDH ด้วยซ้ำไป ใครชอบหนัง Feel Good ผมคิดว่าเรื่องนี้ตอบโจทย์ครับ ถ้าจะมีจุดให้แนะนำ คือ ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้เหมาะกับการดูโรง หรือถ้าดูที่บ้านก็แนะนำให้ตั้งใจดูแบบรวดเดียวจบ เพราะช่วงแรกของหนังค่อนข้างดูธรรมดา แต่มันทิ้งสิ่งที่จะทำให้ครึ่งหลังมีความพีคหลาย ๆ จุดเอาไว้