“ตีความกระสือได้น่าสนใจมาก นี่คือหนังไทยที่ดีและไม่ควรโดนสปอยล์ใดๆก่อนดู”
แสงกระสือ คือหนังไทยที่เห็นตัวอย่างครั้งแรกดูจะออกแนวหนังผีแล้วก็แอบมองข้ามไปนิดนึง เพราะส่วนตัวแล้วนั้นผมเป็นคนไม่ค่อยชอบหนังผีเท่าไหร่ครับ …จนมาเจอตัวอย่างหนังที่สองที่บอกเล่าอะไรมากขึ้น คือ เป็นเรื่องราวความรักระหว่างคนกับกระสือ ซึ่งชื่อเรื่องภาษาอังกฤษก็บอกอยู่ว่า Inhuman Kiss เลยเริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย นี่มันน่าสนมาก เพราะกระสือมันติดกันทางน้ำลาย ซ้ำยังดูมีปมความรักสามเศร้าไปอีก และคำอธิบายประเภทหนังของหนังเรื่องนี้ คือหนังชีวิต ทำให้ผมรู้สึกว่านี่เป็นหนังที่น่าค้นหามาก
และเมื่อไปดูก็เป็นไปตามที่กล่าวมาข้างต้นครับ หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีความน่ากลัวในแบบหนังผีเลย มีฉากที่ดูจะเป็นหนังผีบ้าง ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับองค์รวมของทั้งเรื่องซึ่งเป็นหนังชีวิต ดราม่าเข้มข้น ความบีบคั้นของชะตากรรมของแต่ละตัวละคร บางช่วงก็ดูเศร้า บางช่วงก็ดูโรแมนติก บางช่วงก็ดูน่าสงสาร นี่เป็นการรีวิวแบบรวมๆ เพราะผมไม่อยากให้คนที่ยังไม่ได้ดูเสียอรรถรสใดๆจริงๆ
หนังมีจุดพีคอยู่หลายจุดที่บางช่วงผมอยากจะให้หนังเรื่องนี้อยู่ในกลุ่ม 9/10 ซึ่งเป็นหนังยอดเยี่ยมไปเลย แต่เมื่อมององค์รวมแล้ว ความพีคหลายๆจุดเหล่านั้น ผมรู้สึกว่ามันกลับสร้างรอยแผลให้หนังไม่น้อยเหมือนกัน คือหนังเรื่องนี้มีประเด็นที่สำคัญเยอะเกินไป แม้หนังมันจะไปได้ถึงเกณฑ์ที่ดีในแทบทุกทาง แต่ทำให้อารมณ์ที่รู้สึกร่วมไปกับหนังแกว่งไปบ้าง จนผมแอบคิดว่าถ้าตัดบางส่วนออกไป หนังอาจจะเลือกขยี้บางประเด็นได้สุดมากกว่านี้มากๆ
ทีมนักแสดงที่เล่น เล่นได้ดีมาก มินนี่(รับบท สาย)เล่นได้น่าสงสารกับชะตากรรมที่ต้องมาเป็นกระสือ ในขณะที่โอบ (รับบท น้อย)ซึ่งเคยฝากฝีไม้ลายมือไว้หลายเรื่อง เรื่องนี้ก็ทำได้ดีจริงๆ หลายๆฉากแววตา สีหน้า เรียกว่ามาเต็มมาก ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่ใช่โอบ ใครจะเล่นได้แบบนี้ ส่วนเกรท สพล (รับบท เจิด) ก็เล่นได้ดีตามมาตรฐานครับ ส่วนคุณเอ็ม สุรศักดิ์ ก็เล่นได้ดุดันมาก เป็นตัวละครนึงที่ทำให้เรารู้สึกกลัวได้จริงๆ
โดยภาพรวมแล้วนี่คือหนังไทยเรื่องนึงที่มีคุณภาพคับแก้ว และผมเชื่อว่าส่งไปขายเมืองนอกได้สบายๆ กับตำนานกระสือของไทยที่ตีความในรูปแบบที่น่าสนใจเช่นนี้ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งหนึ่งที่เขียนรีวิวค่อนข้างยาว แต่ผมชอบหลายองค์ประกอบในหนังเรื่องนี้จริงๆ แต่เล่ามากไปกว่านี้ก็กลัวจะเป็นการสปอยล์ครับ