“สนุกกว่าภาคแรก คิวบู๊ดี
เล่าเรื่องสะดุดนิดหน่อย จบแบบปรัชญาสุดๆ”
เป็นหนังภาคต่อที่ ผมมองว่าไม่ดูภาคแรกมาก็ดูรู้เรื่องนะ คือผมก็จำภาคแรกไม่ค่อยได้แล้ว เพราะไม่ค่อยชอบภาคแรกเท่าไหร่ จำได้ว่าเล่นกับ 3D จนดูแล้วตาลาย โดยทำเหมือนอั้นความสนุกไว้มาจัดเต็มภาคต่อไป แล้วก็ปล่อยให้เรารอมาตั้ง 4 ปี มาภาคนี้ฉากแอคชั่นเล่นแบบ 2 มิติ แบนๆนี่แหละ แต่ทำออกมาดีเลย สนุกหลายฉาก แม้หนังจะไปเน้นพาร์ทบทพูด ปรัชญา และการหาผลประโยชน์จากกงล้อเวลามากกว่าก็ตาม
หนังมี CG ที่ดีหลายฉาก แต่บางฉากก็พยายามไปนิด คือมันกลบความต่อเนื่องของคิวบู๊บางฉากไป ซึ่งเป็นจุดที่ผมแอบเสียดาย เพราะฉากแอคชั่นเรื่องนี้ทำออกมาได้น่าสนใจหลายฉาก โดยเฉพาะการสู้กันช่วงท้ายเรื่อง ทั้งนี้ทั้งนั้น การตัดต่อทำให้เล่าเรื่องสะดุดหลายครั้ง และทำให้เห็นถึงความไม่ต่อเนื่องในหนัง รวมไปถึงทำให้เราสับสนในเหตุผลของหนังบางเรื่อง
ซึ่งพอดูๆไปแล้วเราก็จะแอบหงุดหงิดใจว่าทำไมหนังถึงเล่าแบบนี้ จนกระทั่งถึงตอนจบเราถึงได้รู้ว่า บางรายละเอียดที่มันดูกระโดด มันน่าจะเป็นความตั้งใจของผู้กำกับที่จะสื่อข้อความบางอย่างออกมา ซึ่งข้อความนั้นก็เป็นข้อความที่ผมชอบนะ แต่ไม่รู้มันจะทำให้ทุกคนชอบได้รึเปล่า เพราะมันจะเรียกว่าจบแบบอาร์ทๆก็ได้ คือน่าจะมีคนอ้าปากค้างกับฉากจบแน่นอน
ส่วนตัวผมมองว่าหนังมันจบได้โอเคกว่าภาคแรกมากๆ แม้จะรู้สึกห้วนและค้างคาทั้งสองภาค แต่ภาค 2 นี้ ฉากจบมีความหมายที่หนังพยายามสื่อสารออกมาชัดเจนกว่า ซึ่งก็แอบคิดว่าน่าจะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบแน่ๆครับ