“หนังสะท้อนความฉาวโฉ่ของผู้มีอำนาจทางการเมืองได้อย่างเจ็บแสบ และทำให้เห็นว่ามันมีเส้นบาง ๆ กั้นระหว่าง ผู้นำโง่ กับ ผู้นำที่สนแต่ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง”
“ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด” คงเป็น 1 ในประโยคเด็ดที่หลายคนน่าจะยกมาใช้ในการพูดถึงภาพยนตร์เรื่อง Don’t Look Up เพราะหนังเรื่องนี้ได้สะท้อนบริบทของประโยคนี้ออกมาชัดเจนมาก ๆ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องของมหันตภัยของมวลมนุษยชาติ ที่กำลังจะมีดาวหางมาพุ่งชนโลก ละม้ายคล้ายเหตุการณ์ใน Armageddon มาก ๆ แตกต่างกันตรงที่เรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอเรื่องราวของนักขุดเจาะที่เป็นวีรบุรุษ แต่หยิบยกเรื่องราวของการเมืองและสังคมขึ้นมาแซะอย่างร้ายกาจ
Don’t Look Up มีบทภาพยนตร์ที่จิกกัดอย่างร้ายกาจ ผมไม่แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้จะปังในระดับโลกแค่ไหน แต่ถ้าด้วยบริบทไทย ๆ แบบบ้านเรา น่าจะมีหลายต่อหลายฉากถูกใจไม่น้อย ทั้งภาพของการทุจริตคอรัปชั่น เอื้อผลประโยชน์นายทุน ไม่สนใจคำพูดของคนตัวเล็กตัวน้อย สื่อมวลชนที่เลือกทำข่าว และวิธีการนำเสนอ โดยอาจจะสนเรตติ้งและรูปแบบรายการ มากเกินไปกว่าตัวเนื้อหา ทุกสิ่งอย่างในหนังเรื่องนี้มันทิ่มแทงหัวจิตหัวใจของคนที่อยู่ในประเทศที่มีบริบทแบบนี้มาก ๆ อย่างแน่นอน
การเลือกใช้ชื่อหนัง Don’t Look Up เป็นอะไรที่สะท้อนเรื่องราวในหนังได้เป็นอย่างดี จนเหมือนจะสปอยล์เลยว่ากลุ่มผู้มีอำนาจทำอย่างไรกับวิกฤตดาวหางชนโลก เพราะแค่ผมรู้เรื่องย่อ กับชื่อหนัง ก็พอจะเดาได้ว่าผู้นำในเรื่องจะมีท่าทีอย่างไร แต่เชื่อเถอะครับ หนังเรื่องนี้มันพาเราไปไกลมาก ทุกรายละเอียดในหนังล้วนทำออกมาได้เจ็บแสบ ผ่านนักแสดงชื่อดังหลายต่อหลายคน ที่เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังถึงรวม Superstar ได้เยอะขนาดนี้ เพราะบทหนังดี และไม่มีใครจมหายไปจากหนังเลย
โดยภาพรวมแล้ว Don’t Look Up ทำออกมาได้ดี แม้จะมีความยาวพอสมควร แต่ไม่มีช่วงไหนน่าเบื่อเลย และหนังได้ทำให้เราเห็นเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ระหว่างผู้นำโง่ กับ ผู้นำที่สนแต่ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ผู้นำบางคนอาจจะดูเหมือนโง่ แต่แท้จริงแล้วเขาอาจจะไม่ได้โง่ แต่ไม่ได้มองปัญหาในรูปแบบเดียวกับที่เรามอง ทุกวิกฤต มีโอกาสเสมอ วิกฤตของประชาชน อาจจะเป็นช่วงเวลาในการกอบโกยผลประโยชน์ ก็เป็นได้ เพราะผู้นำที่ว่าอาจจะไม่ได้แคร์ประชาชนนั่นเอง
