“งานภาพสวยงาม สมจริง จนมีบางช่วงลืมนึกไปเลยว่า ภาพตรงหน้าคือ CG แต่ตัวบทมีความเอื้องานภาพมากไปหน่อย เลยมีจุดที่ทำให้ตั้งคำถามกับตัวละครพอสมควร”
Avatar 2: The Way Of Water เป็นเรื่องราวภาคต่อของ Avatar ที่เคยสร้างความฮือฮากับงานภาพ ความสมจริง ของการเนรมิตดาวแพนดอร่า ขึ้นมาบนโลกภาพยนตร์ และทิ้งช่วงการฉายภาคต่อไปเป็น 10 ปี เนื้อหาในภาคนี้ ยังคงดำเนินเรื่องราวบนดาวดวงเดิม กับเหตุการณ์ที่ผ่านไป ที่ Jake Sally ได้สร้างครอบครัวกับ Neytiri แต่กลับพบว่าครอบครัวของเขาต้องกลับมาเผชิญหน้ากับการรุกรานจากมนุษย์อีกครั้ง
ในส่วนของงานภาพใน Avatar 2: The Way Of Water คือจะใช้คำว่าสุดยอดเหมือนเดิม สมจริงเหมือนเดิม มันก็ได้แหละ แต่โจทย์มันโหดหินมากไปกว่าภาคที่แล้วมาก เพราะมีฉากใต้น้ำ หรือสลับไปมาระหว่างบนบกกับในน้ำ ทำให้ตัวละครชาวนาวีต้องมีเส้นผมที่พริ้วไหวในน้ำ และเปียกเมื่อขึ้นมาอยู่บนบก ฉากไคลแม็กซ์ที่มีการต่อสู้กัน ก็มีน้ำเป็นองค์ประกอบ ซึ่งส่วนตัวแล้วไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นงานภาพอะไรแบบนี้เลย เพราะหลาย ๆ เรื่องจะใช้วิธีหลบงาน CG โหด ๆ แบบนี้ แต่กับเรื่องนี้มันเหมือนงานโชว์ของ คือนอกจากจะไม่หลบแล้ว มันยังต่อเนื่องและเป็นฉากที่ยาว จนมีช่วงนึง ผมลืมไปเลยว่าตัวละครเหล่านี้เป็น CG
อย่างไรก็ตามพอย้อนกลับมาดูในส่วนของบทแล้ว ผมคิดว่า Avatar 2: The Way Of Water มีบทที่ชวนให้ตั้งคำถามพอสมควร คือมันไม่ได้ถึงกับไม่สนุก หรือ แย่อะไรนะ แต่มันก็ชวนให้คิดตลอดเวลากับการกระทำของครอบครัวพระเอก ที่จะสู้ หรือจะหนี มันเหมือนชวนให้คิดว่าที่เดินเรื่องมาในทิศทางนี้เพราะอยากจะโชว์งานภาพรึเปล่า ซึ่งภาพมันก็สวย และเข้าใจได้ว่าอยากโชว์ แต่อีกใจนึงก็อยากให้แรงผลักดันของตัวละคร มันดูไปทิศทางเดียวกันมากกว่านี้ แต่ยังไงก็ตาม มันก็พอจะมีคำแก้ต่างให้ตัวละครเพื่อให้มันออกมาในรูปแบบนี้ได้อยู่เหมือนกันนั่นล่ะ
โดยภาพรวม Avatar 2: The Way Of Water ก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุก ดูเพลิน แค่ได้เห็นงาน CG ระดับนี้ ก็คุ้มมาก ๆ แล้ว เข้าใจเลยว่าทำไมคนถึงเชียร์ให้ไปดู IMAX แต่ถ้า ณ ตอนที่รีวิวนี้ ผมได้ดูแบบ 4K ก็ยังคิดว่านี่เป็นหนังที่สุดยอดมาก ๆ อยู่ดี ตัวบทหนังก็ค่อนข้างจบในตัว ถึงไม่เคยดูภาคแรกก็น่าจะพอเข้าใจได้ (แต่ดูมาจะดีกว่า) และมีปมให้ไปเล่าต่อในภาคหน้า แต่ฉากจบก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าค้างคาให้อยากดูภาคต่อเดี๋ยวนั้น คือมันก็จบองค์ไปแบบสวย ๆ พอดี