ถ้าพูดถึงการ์ตูนเหล่านี้
– Black Jack
– Astro Boy
– Bleach
– Naruto
– Full Metal Alchemist
– Hunter x Hunter
เชื่อว่าคงต้องมีคนรู้จัก หรือเคยผ่านตากันบ้างไม่มากก็น้อย ทั้งหมดนี้เป็นลิขสิทธิ์ Anime
ในเครือของบริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ซึ่งรวมถึงช่อง Gang Cartoon ที่เพิ่งยุติการออกอากาศผ่านทีวีดาวเทียมไปในปี 2560 ที่ผ่านมา
(บางแหล่งข่าวเป็นช่วงเดือนตุลา บางแหล่งเป็น 31 ธันวาคม แต่สรุปคือตอนนี้ปิดไปแล้วครับ)
ก็น่าแปลกใจที่จากบริษัทสายหนังและการ์ตูนก้าวข้ามวงการมาเป็นสายดูแลศิลปิน สวนทางกับ RS ที่ตอนนี้ลดการทำเพลงไปเยอะแล้ว (จนบางคนก็บอกว่าเลิก) โดย RS เน้นไปทำเครื่องสำอางกับช่อง 8 แทน
ซึ่งพอได้อ่านบทสัมภาษณ์หลายๆที่ ก็พบว่าจุดร่วมของ BNK48 กับ ธุรกิจเดิมของ Rose คือญี่ปุ่น
และก่อนหน้านี้ Rose ก็เคยคิดจะเข้าร่วมประมูลช่องทีวีดิจิทัลนั่นเอง (เลยคิดว่าจะต้องมีศิลปิน)
ทั้งๆที่ BNK48 เกิดขึ้นมาในยุคที่ตลาด CD และ DVD ซบเซา แต่ CD เพลงของ BNK48 กลับขายได้ และขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีโมเดลธุรกิจ ขายบัตรจับมือ, รูปภาพพร้อมลายเซ็น ของศิลปินในวง
ผมเลยคิดว่าวง BNK48 เป็นการขายประสบการณ์การมีส่วนร่วมของเหล่าแฟนคลับ (โอตะ)
มากกว่าการจะปั๊มแผ่นมาขายเพลงเป็นอัลบั้มแล้วจบๆกันไป
แต่เป็นการสร้างความผูกพันระหว่างศิลปินและแฟนคลับ
เพราะมีการแวะมาอัพเดท กิจกรรมของศิลปินในวงอยู่เรื่อยๆอย่างไม่ขาดสาย
จะว่าเป็น Reality Show ก็ไม่ใช่ Show
อาจจะเรียกว่าเป็น Reality Life ของศิลปินก็ว่าได้
(เพราะวงต้นแบบก็มีการโหวตสมาชิกหลักด้วย ซึ่งต่อไป BNK48 ก็คงมี)
ซึ่งเมื่อออกแนว Reality และสินค้าที่จำหน่ายเป็นพวกรูปภาพ หรือบัตรจับมือ จึงมีกฎควบคุมศิลปินหลายอย่างด้วยเช่นกัน เช่น เรื่องแฟน เรื่องถ่ายภาพเซลฟี่ ถ่ายแบบเซ็กซี่ รวมไปถึงการศัลยกรรม
ซึ่งผมคิดว่าหลายข้อนั้น เหมือนกับให้ศิลปินต้องอยู่ในกรอบที่วางไว้ตลอดเวลาเลยทีเดียว ถ้ามองเป็นเรื่องของงานก็เรียกว่ามีกฎมาบังคับกะเกณฑ์นอกเวลางาน 8 ชั่วโมงอีก แถมบางเรื่องเป็นเรื่องส่วนตัวของศิลปินด้วย …แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เป็นสิ่งที่ศิลปินเลือกมาเองครับ
ในยามที่ตลาดเพลงไทย มีเพลงใหม่ๆออกมาน้อยลง เพราะค่ายเพลงใหญ่ๆอย่าง Grammy และ RS ลดปริมาณการผลิตเพลงและจำนวนศิลปินลง ค่ายที่สร้างความแตกต่างอย่าง ROSE จึงสามารถหาพื้นที่สื่อได้ และเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย ก็สร้างปรากฏการณ์ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง แม้จะประกาศตัวว่าไม่ได้เป็นค่ายที่เน้นทำเพลงให้ศิลปินเป็นหลักก็ตาม
ถ้าย้อนไปมอง EVS ซึ่งผลิตหนังแผ่นเช่นกัน และเลิกผลิต CD/DVD ไปเมื่อปีที่แล้ว
มุมหนึ่งก็อาจจะพูดได้ว่าธุรกิจหนังแผ่นคงถึงทางตันแล้วจริงๆ เพราะ EVS เองก็ถอยไปตั้งหลักกับธุรกิจเครื่องเขียนแทน เช่นเดียวกับที่ Rose เริ่มธุรกิจใหม่ๆอย่างการดูแลศิลปิน
สิ่งสำคัญที่สุดของธุรกิจก็คือความอยู่รอด นาทีนี้ไม่ว่าใครได้ส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดในตลาดหนังแผ่น CD,DVD ก็คงไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว เพราะตลาดมันเล็กเกินไป
แต่การปรับธุรกิจให้อยู่รอดและทำกำไรต่อไปได้นั้น อาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า
การปรับตัวของ Rose Media นั้นอาจจะเหมือนกับเนื้อเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย ท่อนหนึ่งที่ว่า
“Koisuru Fortune Cookie
มาลุ้นดูสิอาจจะเจอความหวังที่ยังรออยู่”
อ้างอิง :
EVS Entertainment เลิกผลิต CD และ DVD แล้วเดินหน้าทำธุรกิจเครื่องเขียนแทน
BNK 48 ไพ่ใบใหม่ “โรสมีเดีย” ธุรกิจเสี่ยงที่กำลังทำเงิน
ล้วงความลับผู้วางกลยุทธ์ BNK48 ตั้งเป้าร้อยล้าน ดังแบบไม่ใช้คุกกี้เสี่ยงทาย