เนรมิตแอฟริกาแบบล้้ำๆได้เยี่ยมมาก
แต่ปูพื้นตัวร้ายไม่แน่นเท่าไหร่
หนังเดินเรื่องต่อเนื่องจาก Captain America : Civil War แต่ถึงใครไม่เคยดูหนังเรื่องไหนๆของ Marvel ก็น่าจะดูเรื่องนี้ได้ เพราะบทหนังส่วนใหญ่โฟกัสไปที่ประเทศวากานด้ามากกว่า …ซึ่งก็ไม่เว้นแม้แต่ตัว Black Panther เอง ที่หลายๆช่วงเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในหนังเท่านั้น ตัวละครรองๆหลายตัวมีบทบาทที่น่าจดจำ
เรียกได้ว่ามีการเกลี่ยบทอย่างทั่วถึง เพื่อให้เราเห็นภาพรวมของกลุ่มผู้มีอำนาจในวากานด้า …และประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในเรื่องนี้ก็คงไม่พ้นการเมือง เพราะเป็นเรื่องการช่วงชิงอำนาจกันของชนชั้นนำของประเทศ แทบจะสลัดคราบหนังซุปเปอร์ฮีโร่ออกไปเลย
ฉากการไล่ล่าและต่อสู่ในเกาหลีใต้นั้นทำออกมาได้ยอดเยี่ยมและน่าสนใจมาก รวมถึงการเปิดตัวเทคโนโลยีหลายอย่างที่เพิ่งจะเคยเห็นในจักรวาล Marvel ทำให้ว้าวได้เลย แต่ฉากแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย คือถ้านับภาพรวมทั้งเรื่อง ผมคิดว่าฉากแอคชั่นมันไม่ค่อยจุใจเท่าไหร่
…จริงๆมันก็สู้กันเยอะนะ แต่ที่ว้าวมากๆมันน้อย อาจจะเพราะช่วงต้นเรื่องจัดเต็มแบบอลังการไปแล้ว พอช่วงท้ายมันเลยเหมือนเล่นมุกซ้ำแล้ว เลยกลายเป็นฉากแอคชั่นดาษดื่นและจบง่ายไปหน่อย
สิ่งที่เสียดายมากที่สุด คงจะเป็นสิ่งที่หนังเลือกจะเล่า เพราะ Michael B. Jordan ที่เล่นเป็นตัวร้ายของเรื่องนั้น (Erik Killmonger) เล่นได้ดีนะ คือเราเชื่อเลยว่าตัวร้ายคนนี้มีปม ผ่านการแสดง
…แต่น่าเสียดายตรงที่หนังไม่ได้ขยายความประวัติของวายร้ายตัวนี้เท่าที่ควรจะเป็น (หรือเท่าที่แสดงออกมาบนจอ) จริงๆก็ให้เวลาวายร้ายตัวนี้ ก็กินเวลาในหน้าจอไม่น้อยแล้วนะ แต่ปมเด่นๆของวายร้ายตัวนี้ กลับใช้วิธีการเล่าผ่านปาก หรือ การแสดงของตัวละครอื่นมากกว่า ทำให้เราเชื่อไม่เต็ม 100% ว่าตัวละครตัวนี้เชื่อแบบนั้น เก่งแบบนั้น หรือมีปูมหลังที่เคียดแค้นชิงชังแบบนั้น ได้มากกว่าขนาดนี้
ซึ่งถ้าหนังทำให้เชื่อได้ว่าตัวละครตัวร้ายตัวนี้คิดว่าตัวเองทำถูกจริงๆ นี่อาจจะเป็นหนัง Marvel สายการเมืองที่เจ๋งมากๆเรื่องนึงเลยครับ
ยังไงก็ตาม ผมคิดว่านี่คงเป็นหนังอีกเรื่องทีี่คอหนัง Marvel ไม่ควรพลาด เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงเวลาของ Avengers : Infinity Wars แล้วครับ