ปี 2020 เป็นปีที่มีเหตุการณ์ COVID-19 ทำให้ผมได้ดูหนังน้อยกว่าปีก่อน ๆ พอสมควรนะครับ โดยได้ดูไปทั้งหมด 69 เรื่อง แต่ในปีนี้มีหนังยอดเยี่ยมเข้าหลายเรื่องเลยทำให้ผมทำใจตัดรายชื่อออกไปไม่ได้ และนี่คือ 12 อันดับหนังยอดเยี่ยมประจำปี 2020 ของ Me Review ครับ ทั้งนี้ผมจะเขียนสรุปแต่ละเรื่องไว้สั้น ๆ ถ้าอยากอ่านรีวิวเต็ม ๆ สามารถคลิกที่ชื่อหนังเพื่ออ่านฉบับเต็มได้นะครับ
12. ITO ตลอดมา ตลอดไป คือเธอ
ITO เป็นหนังรักซึ้ง ๆ ที่พาเราไปสัมผัสช่วงเวลาต่าง ๆ ของพระเอกและนางเอก แม้จะมีการวนเวียนมาพบเจอกันตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ลงเอยกันสักที ภายใต้การเดินทางที่แสนยาวนานนั้น แม้ทั้งสองจะมีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน แต่เมื่อเวลามันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ทุกอย่างมันมีจังหวะเวลาที่เหมาะสม นี่เป็นหนังรักโรแมนติกที่มีหลายแง่มุมที่น่าสนใจมากครับ
11. Love You Forever ย้อนรัก ให้ยัง มีเธอ
Love You Forever เป็นหนังรักที่พระเอกสามารถย้อนเวลากลับไปช่วยนางเอกจากการเสียชีวิตได้ แต่นั่นก็ต้องแลกกับการเสียสละอะไรบางอย่างไป นี่เป็นหนังรักที่ชวนน้ำตาซึม ใครชอบหนังโรแมนติกดราม่า เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ดีมาก ๆ ครับ
10. Soul อัศจรรย์วิญญาณอลเวง
Soul เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของชายวัยกลางคนที่ได้รับโอกาสสำคัญในชีวิตกับการเล่นดนตรีบนเวที แต่ดันก้าวพลาด วิญญาณหลุดออกจากร่าง ไปพบปะกับเรื่องราวสุดอลเวงมากมาย เป็นหนังที่ให้แง่คิดกับการดำเนินชีวิตได้ดีมากเลยทีเดียวครับ เป็นอีกหนังเติมพลังบวกที่ยอดเยี่ยมของปีนี้
9.Wonder Woman 1984
Wonder Woman 1984 ว่าด้วยเรื่องราวของสาวน้อยมหัศจรรย์ของ DC ซึ่งภาคนี้จะพาเราไปสำรวจเบื้องลึกของจิตใจของ ไดอาน่า ปรินซ์ ภาคนี้เราจะได้เห็นประเด็นรัก โลภ โกรธ หลง ของเหล่าตัวละครหลัก ไม่ว่าจะเป็นนางเอก หรือ วายร้าย ซึ่งทำออกมาได้น่าจดจำทุกตัวละคร แม้จะแอคชั่นน้อย แต่ในแง่ของเนื้อหา ผมคิดว่าทำได้น่าประทับใจมากครับ
8. TENET
TENET หนัง Sci-Fi ฟอร์มยักษ์ ของผู้กำกับมากฝีมืออย่างคริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งครั้งนี้มาในธีมจารชนปกป้องโลก เรื่องนี้ในแง่ความสนุก ก็สนุกพอประมาณ แต่ในแง่ความล้ำ ความเหนือ ความเจ๋งของการเล่าเรื่อง และการนำเสนอ คือไปสุด ทะลุทุกเพดานที่เคยจินตนาการไว้ จนไม่สามารถเอาออกจากรายชื่อหนังยอดเยี่ยมประจำปีได้เลยครับ
7.The Gentlemen สุภาพบุรุษมาหากัญ
The Gentlemen เป็นหนังแบบฝนตกขี้หมูไหล อย่างจริงจัง มีความตลกร้ายอย่างร้ายกาจ ทั้งตลก ทั้งกวนตีน ใครคอหนังตลกร้าย เรื่องนี้ห้ามพลาดอย่างจริงจัง แม้จะบอกว่าเป็นหนังที่รวมดาราดัง ๆ หลายคน แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกเกินคาดมากว่าหนังจะไปได้ถึงเบอร์นี้ เรียกว่าเข้าฉายต้นปี จนสิ้นปีแล้วยังจำได้ว่าหนังมันร้ายกาจมาก
6.Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train
Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train เป็นหนังที่เดินเรื่องต่อจากอนิเมะในซีซันแรก ถ้าไม่ดูมาก่อนอาจจะไม่อินเท่าไหร่ (อาจจะพอเข้าใจเรื่องตัวดีตัวร้าย แต่ไม่เข้าใจปมในใจตัวละคร) ซึ่งด้วยความที่เดินเรื่องต่อกัน หนังได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เล่ามาก่อนแล้วอย่างเต็มที่ ทำให้ในหนังอัดแน่นด้วยประเด็นดราม่าที่ทำให้เราอินไปกับตัวละครไม่ยาก ข้อคิดที่ดี น่าสนใจ ความน่าชื่นชมของตัวละคร และอื่น ๆ อีกมากมาย นี่คืออนิเมชั่นที่ไม่ควรพลาดของปี 2020 จริง ๆ
5. Special Actors เล่นใหญ่ ใจเกินร้อย
Special Actors นี่คือหนังตลกเล่นใหญ่ ผลงานของทีมเดียวกันกับที่สร้าง One Cut of The Dead ซึ่งครั้งนี้ยังคงกลับมาจัดเต็มความตลกแบบไม่ยั้ง เนื้อหาหนังไม่คิดเยอะ ดูเอาฮาล้วน ๆ แต่เป็นหนังที่ตลกได้ใจมาก ๆ ด้วยความที่เนื้อหาเหมือนจะไม่ได้ขายมาก แต่ขอบอกเลยว่าถ้าชอบหนังตลก เรื่องนี้อย่าพลาดจริง ๆ
4. 1917
1917 เป็นหนังที่ถ่ายทำ Long Take ยาวมาก ๆ ในแง่พลอตหนังคือเป็นหนังที่พลอตสั้น ๆ นะ แต่มันเป็นงานศิลปะที่สวยงาม และบ้าพลังที่สุด สำหรับหนังที่เข้าฉายในปี 2020 และน่าจะบ้าพลังที่สุดที่ผมดูมาในรอบหลายปี เป็นหนังอีกเรื่องที่เรียกว่าไม่สามารถตัดออกจากรายชื่อหนังแห่งปีได้เลย
3. Still Human
Still Human เป็นหนังปี 2018 แต่เพิ่งเข้าฉายในไทยในปี 2020 เป็นหนังที่เล่าถึงชายสูงวัยที่ป่วยเป็นอัมพาตกับสาวใช้ชาวต่างด้าว แม้หน้าหนังจะดูไม่น่าสนุก แต่เนื้อในคือเปี่ยมไปด้วยพลัง เหมาะกับการเติมพลังใจในวันที่ท้อแท้ เหน็ดเหนื่อย เป็นหนังฟีลกู๊ดที่เติมพลังบวกให้ชีวิตได้ดีมาก ๆ ครับ
2. LEAP ตบให้สนั่น
LEAP เป็นหนังชีวิต ว่าด้วยเรื่องของนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติจีน ส่วนตัวแล้วเป็นหนังม้ามืดมาก ๆ เพราะไม่ใช่คอหนังสายกีฬาเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ ประทับใจทั้งเนื้อหา และการแสดง ยิ่งกว่าหนังที่เป็นเรื่องแต่งบางเรื่องเสียอีก (ที่พีคคือมันทำมาจากชีวประวัติของนักกีฬาจริง ๆ ) หลังดูจบผมไปหาข้อมูลของนักกีฬาในเรื่อง อ่านเพิ่มเติมเลยล่ะครับ
1. Better Days ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ
Better Days เป็นหนังที่ตีแผ่เรื่องการบูลลี่ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังลงรายละเอียดถึงปัญหาทั้งในแง่สังคม และชีวิตของคนที่ถูกบูลลี่ เป็นหนังที่ดูแล้วก็เศร้าใจนะที่ปัญหาลักษณะนี้มันเกิดขึ้นทั่วโลก และอาจจะไม่หมดไปง่าย ๆ แต่จะวางเฉยก็คงไม่ถูกต้อง นอกจากหนังจะสะท้อนปัญหาแล้ว ยังจุดประกายความคิดว่า แม้จะมองด้วยกรอบแบบผู้ใหญ่ ก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยง่าย
และตามธรรมเนียมที่ผมจะแถมหนังที่เข้ารอบอีกจำนวนหนึ่งครับ เนื่องจากปีนี้ดูหนังมาน้อย และให้หนังยอดเยี่ยมไปแล้ว 12 อันดับ เลยลดเหลือ 7 หนังดีที่จะหยิบยกมาพูดถึงนะครับ
13. Our 30 Minute Sessions – หนังญี่ปุ่นซึ้ง ๆ เนื้อหาดี เพลงเพราะ
14. THE EIGHT HUNDRED นักรบ 800 – นักสงครามที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ หดหู่ กดดัน และโหดร้าย
15. Little women สี่ดรุณี – หนังที่สะท้อนความไม่เท่าเทียมของสิทธิสตรีในอดีต ครบอารมณ์ทั้ง ฟีลกู๊ด ตลก เศร้า
16. Bad Boys for Life แบดบอยส์ คู่หูตลอดกาล ขวางทางนรก – หนังแอคชั่นผสมตลก กวน ๆ ที่ลงตัว และบันเทิงมาก
17. Ip Man 4: The Finale ยิปมัน 4 เดอะ ไฟนอล – ภาคจบของยิปมัน ที่แม้จะเดินเรื่องคล้ายเดิม แต่บริบทเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยน เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ชอบทุกภาค และภาคนี้คือจบได้น่าประทับใจมาก
18. คืนยุติ-ธรรม – หนังไทยที่สะท้อนความไม่ยุติธรรมในสังคม และตอกย้ำประเด็นความเหลื่อมล้ำ บิดเบี้ยว จนผู้ได้รับผลกระทบลุกขึ้นมาทวงความแค้นเอง
19. อ้ายคนหล่อลวง – หนังตลก ออกแนวเล่นใหญ่แบบการ์ตูน ตบมุกกระจุยกระจาย ขายความบันเทิงเป็นหลัก
โดยรวมแล้วแม้ปี 2020 จะมีภาพยนตร์เข้าฉายน้อยลง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นหนังฟอร์มยักษ์ แต่ก็เป็นปีที่มีหนังดีเข้าฉายไม่น้อยครับ โดยมากจะเป็นหนังดราม่า หรือหนังตลก ส่วนที่น่าสนใจคือ ปีนี้หนังเอเชียเข้ามายึดพื้นที่ในตารางอันดับหนังของผมค่อนข้างเยอะ แบบไม่ได้ตั้งใจ น่าจะเพราะหนังของฝั่งตะวันตกเลื่อนฉายหลายเรื่อง จากสถานการณ์ COVID-19 นั่นเองครับ
ท้ายที่สุดนี้ ขอขอบคุณทุกคน ที่ติดตามอ่าน Me Review กันมาโดยตลอดนะครับ
สวัสดีปีใหม่ 2021 ครับ