การเป็นผู้รับจ้างผลิตให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่นั้น แม้จะทำให้ธุรกิจใหญ่โต ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำไปตามๆกัน ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ในกรณีที่สินค้าของลูกค้าเราขายไม่ดี เราก็จะต้องผลิตของจำนวนน้อยลงไปด้วยเช่นกัน
ในขณะที่ Apple จ้างบริษัทในจีนผลิต นอกจากจะได้ต้นทุนที่ต่ำกว่าแล้ว ยังไม่ต้องมารับภาระค่าใช้จ่ายพนักงาน และบำรุงรักษาโรงงานในกรณีที่จะปรับลดกำลังการผลิตลงด้วย คอยกินแต่ส่วนต่างจากต้นทุนจากโรงงาน และราคาขายก็พอ เพราะ Apple มีหน้าที่คือคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ และทำการตลาด
ซึ่งรอบนี้ก็น่าสนใจที่สินค้าเพิ่งวางขายได้ไม่นาน แต่มีการปรับลดกำลังการผลิตซะแล้ว
ปีนี้อาจจะไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับ Apple ก็เป็นได้ เพราะเจอมรสุมหลายเรื่อง เช่น
– เครื่อง Restart เอง ทุก1นาที
– FACE ID ใช้หน้าคนอื่น Scan ผ่าน
– การปรับลดความเร็ว iPhone ให้รุ่นเก่าทำงานช้าลง กรณีแบตเสื่อม ซึ่งกำลังถูกฟ้องร้องอยู่
และอื่นๆอีกหลายเรื่อง
ซึ่งน่าจะทำให้ผู้บริโภคไม่แน่ใจว่าควรจะซื้อ iPhone X มาหรือไม่ เพราะด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงมาก และถ้าไม่นับเรื่องฟีเจอร์อย่าง Face ID และ Animoji ซึ่ง 2 ฟีเจอร์นี้ สามารถใช้ Touch ID แทนได้ในแง่การปลดล็อค
และ ใช้ Emoji ธรรมดา หรือ Facetime สื่อสารอารมณ์ได้
ตัว iPhone X ก็อาจจะไม่ได้ฟีเจอร์อื่นที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าจำเป็น หรือต้องจ่ายในราคานี้ และถ้ามองในภาพรวมของตลาดมือถือจอไร้ขอบ ก็ยังมียี่ห้ออื่นที่ทำออกมาราคาถูกกว่า โดยไม่มีรอยบั้งด้านบน
ถ้ามองไปที่สิ่งทีี่ Apple ทำในช่วงนี้แล้ว นอกจากคนจะวิจารณ์จะไม่ว้าว เหมือนอดีตครั้งที่ยังมี Steve Jobs อยู่ ก็อาจจะมองได้ว่าเป็นช่วงกอบโกยเงินจากฐานลูกค้าเก่า และเปิดตลาดลูกค้าใหม่ๆอย่างทำมือถือจอใหญ่ขึ้น กล้องดีขึ้น เพื่อมากินฐานลูกค้าที่สามารถกอบโกยได้เพิ่มเติม โดยที่ตัวเทคโนโลยีไม่ได้ใหม่ไปกว่าคู่แข่งมากนัก
ซึ่งยอดขายที่ไม่กระเตื้องใน iPhone X นี้ อาจจะเป็นผลสะท้อนจากการตั้งราคาสินค้า รวมถึงปัญหาต่างๆที่ Apple เจอในปีนี้
และถ้า Apple ยังไม่มีมาตรการที่ดีในการแก้ไขความไม่พอใจของลูกค้า เช่น กรณีการปรับลดความเร็วของ iPhone รุ่นเก่า รวมถึงการปรับปรุงเรื่องความไม่เสถียรของ iOS สถานการณ์ยอดขายในรุ่นนี้หรือรุ่นถัดๆไป ก็อาจจะแย่ลงไปอีก (ปีนี้เป็นปีที่มีข่าวเรื่อง iOS มีปัญหาเยอะมาก และต้องอัพเดทบ่อยมาก)
ในขณะที่ตอนนี้ Samsung ซึ่งปีที่แล้วเจอมรสุมเครื่อง Note7 ระเบิดไป ตอนนี้ดูเหมือนจะได้กระแสตอบรับที่ดีขึ้นจาก Samsung Galaxy Note 8
การจะดูว่า Samsung หรือ Apple ใครจะชนะ อาจต้องดูในระยะยาวๆ เพราะสองเจ้านี้ก็แข่งกันทุกปี แต่สำหรับบริษัทที่รับจ้างผลิตเครื่องหรือชิ้นส่วน อาจจะดีกว่าถ้าสามารถกระจายความเสี่ยงได้ เพราะแม้รายได้จะลดลงจากการที่ลูกค้าขายของได้น้อยลง แต่เราก็ยังมีรายได้จากลูกค้ารายอื่นมาจุนเจือกิจการ
หรืออาจจะทำแบบ Samsung ที่รับผลิตหน้าจอให้ Apple ด้วย และมีสินค้าในแบรนด์ของตัวเองด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าสินค้าภายใต้แบรนด์ไหนจะชนะ แต่ Samsung ก็ยังได้กำไรอยู่ดี