คำเตือน: มีการเปิดเผยเนื้อหาของ X-Men: Dark Phoenix แนะนำให้ดูก่อนอ่านครับ สำหรับใครที่ยังไม่ดูสามารถอ่าน รีวิว X-Men: Dark Phoenix แบบไม่สปอยล์ได้ในลิงค์เลยครับ
1.ด้านมืดของชาร์ลส เมื่ออุดมการณ์ที่ดูเหมือนจะดี ก็ไม่ได้ดีทั้งหมด
แม้จะเป็นความหวังดีต่อมนุษย์กลายพันธุ์ ที่ให้เหล่า X-Men ช่วยเหลือมนุษย์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แต่ก็เป็นการนำกลุ่ม X-Men ไปทำอะไรที่เสี่ยงภัยเพื่อประโยชน์ส่วนรวม …ซึ่งก็ต้องย้อนถามว่ามันเป็นส่วนรวมของใคร? หรือ จริงๆแล้วเขาเองก็หลงใหลได้ปลื้มกับชื่อเสียง เกียรติยศ จากสีหน้าที่ดูยินดีตอนได้พบประธานาธิบดี ก็ถือได้ว่าเขาทำอะไรบางอย่างเพื่อตัวเองเหมือนกัน โดยใช้ความสามารถของเหล่า X-Men คนอื่นๆ และยังมีความเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ผิดอีกด้วย แม้จะเกิดความสูญเสียจากผลกระทบของภารกิจแล้วก็ตาม (เสียเรเว่นไป)
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ถ้าชาร์ลสไม่ทำแบบนี้ กลุ่มมนุษย์กลายพันธุ์ ก็จะไม่ได้รับการยอมรับในสังคมในฐานะฮีโร่ และยังอาจถูกหวาดกลัวในสังคม ซึ่งจะนำพาไปสู่การปะทะกันระหว่างมนุษย์และมนุษย์กลายพันธุ์ แบบที่ Magneto จุดชนวนขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งในภาคก่อน ๆ
ถ้าจะว่าไปแล้ว หนังภาคนี้ผมมองว่าที่ตัวร้ายจากต่างดาวที่ดูไม่มีอะไรมาก เพราะตัวร้ายที่แท้จริงคือการต่อสู้ในเชิงอุดมการณ์มากกว่า และนี่คือภาพที่ตลอด 20 ปีของ X-Men ไม่เคยทำให้เห็น ภาพที่ชาร์ลสได้เป็นฝ่ายทำตามอุดมการณ์ และสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นเหมือนตัวร้ายในเรื่องเสียเอง ถ้าชาร์ลสไม่ฝืนบอกให้จีนทำภารกิจ จีนจะไม่ถูกอาบด้วยรังสีคอสมิก ซึ่งสำหรับผม ผมคิดว่าการตื่นของฟีนิกซ์ครั้งนี้ มีความหมายมากกว่าการช่วยเพื่อนแล้วฟีนิกซ์โผล่ออกมาร้ายซะเฉยๆ จากการปูบทใน X2 และมาร้ายเอาตอนภาค Last Stand
จริงอยู่ว่าหนังไม่ได้ทำให้ชาร์ลสดูเป็นตัวร้ายจนเกินไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือบทสรุปที่กลับด้านจากทุกๆภาคที่ผ่านมา ที่ชาร์ลสมักจะดูเป็นคนดี คอยห้ามทัพทั้ง เซบาสเตียน ชอว์, แม็กนีโต, มีสทีค และอะพอคคาลิปส์ ไม่ให้ทำร้ายมนุษย์ แต่เมื่อเขาพยายามเป็นมิตรกับมนุษย์ตามเป้าหมาย ก็ดูเหมือนว่าเขาจะทำร้ายมนุษย์กลายพันธุ์ด้วยกันเองแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
2.ด้านมืดของจีน เกรย์ เมื่อการอาละวาดของเธอทำให้เห็นธาตุแท้ของมนุษย์
จีน เกรย์ กับการอาละวาดของเธอทำให้เกิดภาพสะท้อนชั้นดี ของคนชายขอบในสังคมกับการให้โอกาส และการดูถูกเหยียดหยาม
เมื่อ X-Men ทำดีก็ถูกยกย่องเป็นฮีโร่ แต่เมื่อมีมนุษย์กลายพันธุ์สักคนคนทำชั่วโผล่ขึ้นมา จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ พวกเขาทั้งกลุ่มก็โดนผลักไล่ไสส่งหนักยิ่งกว่าคนทั่วไป ซึ่งเราก็อาจจะพูดได้ว่า กลุ่มมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดถูกเหมารวมด้วยซ้ำ ประธานาธิบดีไม่รับโทรศัพท์ชาร์ลส ด้วยซ้ำตอนจีน เกรย์ก่อปัญหา และยังส่งตำรวจและทหารมาจัดการ ทั้งๆที่ตอนต้นเรื่องยังโทรขอความช่วยเหลือ และจัดงานเลี้ยงใหญ่โตอยู่เลย
ตอนมีปัญหาก็มาขอให้ทีม X-Men ช่วย ถ้าช่วยนักบินอวกาศไม่ได้ ประธานาธิบดีจะเดือดร้อนแค่ไหน นักบินอวกาศก็คงต้องตายยกทีม แต่ในช่วงท้ายที่สู้กันกลางเมือง มนุษย์กลายพันธุ์ตรงจุดนั้นโดนจับไม่เลือกหน้า โดยไม่สนใจว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังสู้กันเพราะอะไร กำลังจะระงับเหตุหรือไม่ ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุ ก็ไม่ได้มีการพูดคุยหรือถามไถ่กันแม้แต่คำเดียว ทำให้ทั้ง Nightcrawler, Beast, Professor X และกลุ่มของ Magneto โดนจับทั้งหมด (ขอไม่นับฉากที่บุกรัง Magneto เพราะที่คุยกันนั่นไม่ใช่ระดับประธานาธิบดี และบทสนทนาก็มีแต่เรื่องจะจับ ไม่ได้สอบถามหรืออธิบายอะไรแม้แต่น้อย แม้แต่กับชาร์ลสที่เพิ่งคุยกันไปหมาดๆตอนต้นเรื่อง)
แม้เนื้อเรื่องจะดูไกลตัว แต่มันกลับสะท้อนภาพที่เราเห็นในสังคมได้บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนต่างด้าวในไทย ที่อยากขอสัญชาติไทย ซึ่งปกติใช้เวลานาน แต่พอมีชื่อเสียง มีเรื่องดีๆเกิดขึ้น ก็กลายเป็นได้สัญชาติอย่างไว ในทางกลับกันพอมีเรื่อง เช่น มีคนก่อคดีลักทรัพย์ หรือ ฆาตกรรม ก็มักจะมีความเกลียดชังแบบขับไล่ไสส่งแบบเหมารวมทั้งกลุ่ม ให้เราได้เห็นตามโลก Social อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งคนชายขอบเหล่านี้อาจจะถูกเหยียดได้จากทั้งเชื้อชาติ สีผิว รสนิยมทางเพศ หรือแม้แต่รูปลักษณ์ภายนอกด้วยซ้ำ (ซึ่งผมก็แอบรู้สึกว่าอาจจะเกี่ยวโยงกับประเด็นตำรวจกับคนผิวสีที่เมืองนอกด้วย ซึ่งจะดูสอดคล้องกับสถานการณ์ในเรื่องมากกว่า เพียงแต่บ้านเราไม่มีปัญหาเหยียดผิวรุนแรงแบบนั้น)
เป็นที่น่าเศร้านะ ที่แม้จะมีการยกย่อง Mutant เป็น Hero ทำให้หลายช่วงในหนังเราเห็นว่าผู้คนในเรื่องมอง Mutant เป็นสิ่งพิเศษ แต่มันก็ยังไม่ใช่กับ Mutant ทุกคนอยู่ดี ทันทีที่มี Mutant ที่มีปัญหาแบบจีน เกรย์ กลุ่มผู้มีอำนาจ หรือคนในสังคมก็พร้อมจะหันกระบอกปืนเข้าใส่ และควบคุมเหล่า Mutant ทั้งหมดอยู่ดี (ภาคนี้ Magneto เลยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ร้าย)
ซึ่งประเด็นนี้ก็อาจจะเคยมีให้เห็นใน X-Men ไตรภาคแรกแล้ว แต่มันเป็นในรูปแบบแอคชั่นมากกว่าดราม่า และไม่สะท้อนภาพความลำเอียง และอคติของคนในสังคม ได้เท่ากันกับครั้งนี้ ผมมองว่าของเดิม เป็นลักษณะเกลียด และเหยียดเฉยๆ แต่ไม่ลงลึกไปถึงมุมที่ว่า คนที่ทำดีจะยกมาเชิดชู ก่อนจะบดขยี้ เมื่อมีใครสักคนในกลุ่มนี้ทำภาพลักษณ์เสียหาย เพราะไปเน้นเรื่องการรักษามนุษย์กลายพันธุ์ ควรรักษามั้ย มันเป็นเรื่องที่เหยียดหรือไม่เหยียด แต่อันนี้เหมือนคนทำดีไม่ขึ้น
3.จะดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับการกระทำ หรืออคติที่บดบัง
จีนที่ดูเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ก็เป็นเหมือนปากกาที่ชาร์ลสเปรียบเทียบไว้ตลอดทั้งเรื่อง เพราะเราไม่รู้ในฉากที่เธอปรากฎตัว เธอจะดีหรือเธอจะร้าย ในมุมหนึ่งอาจจะดูไม่ต่อเนื่อง และน่ารำคาญกับความไม่แน่ไม่นอนของเธอ แต่ผมคิดว่านี่เป็นความตั้งใจหนึ่งของผู้กำกับที่อาจจะต้องการสะท้อนให้เราเห็นว่าความสามารถของเธอ เป็นเหมือนปากกาจริงๆ มันอยู่ที่คนใช้ปากกา ณ ตอนนั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ การกู้ภัยในช่วงแรกคงมีผู้เสียชีวิต และในศึกช่วงท้ายก็คงจะชนะได้ยากเช่นกัน แต่ในมุมกลับกันก็ต้องไม่ลืมว่า เพราะเธออีกเช่นกัน ปัญหาหลายๆอย่างในภาคนี้ถึงได้เกิดขึ้น ทั้งทำให้เรเวนตาย ทำ X-Men ถูกไล่ล่า และส่งมอบพลังให้ตัวร้าย หนังอาจจะทำให้เราตัดสินใจในทันทีได้ยากว่า จากสิ่งที่เธอทำ เราควรนับว่าเธอเป็นคนที่ดีหรือไม่?
แม้ภาพรวมของหนังจะบอกว่าเนื้อแท้เธอดี ด้านชั่วร้ายเธอควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ในแง่บุคคล เราต้องมองด้านที่ทำลายไม่เลือกของเธอด้วยเช่นกัน เพราะก็ถือว่าเป็นคนๆเดียวกัน ซึ่งนี่ก็เป็นภาพสะท้อนของคนธรรมดาสามัญที่ไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์อยู่เหมือนกัน ทุกคนล้วนมีทั้งด้านดีและด้านร้าย แต่เราอาจจะมองคนธรรมดาโดยไม่มีอคติใดๆ ต่างจากคนชายขอบที่โดนอคติบดบัง
เมื่อเป็นมนุษย์กลายพันธุ์แบบ จีน เกรย์ ที่มีทั้งด้านดีและด้านร้ายเฉกเช่นเดียวกันคนทั่วไป เรามองเธอแบบใด ถ้ามีความสามารถขนาดเธอ ช่วยคนได้มากมาย แต่ก็ทำร้ายคนได้มหาศาล ซึ่งเป็นไปตามสเกลพลังที่เธอมี เธอควรจะมีโอกาสชีวิตอยู่บนโลกนี้ร่วมกับผู้อื่นมั้ย?
จากคำถามเมื่อกี้ เรากำลังมองเธอด้วยอคติรึเปล่า ที่เราตัดสินใจอยากให้เธออยู่หรือไป แม้ในช่วงท้ายของหนัง เธอได้เลือกที่จะเสียสละบินออกไปนอกโลกพร้อมตัวร้าย เพราะไม่อยากทำให้ใครบาดเจ็บจากการควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้อีกแล้ว และถ้าให้มองข้ามไปอีกขั้น การอยู่ต่อของเธอก็อาจจะนำมาซึ่งข้อขัดแย้งในกลุ่ม X-Men อีกเช่นเดียวกัน หนังเลยดูเหมือนจบง่ายๆ ให้เธอหายไปซะ (ก่อนจะทิ้งกิมมิคใส่นกฟินิกซ์บินบนท้องฟ้าตอนท้ายของเรื่อง)
ถ้ามองแบบนี้ก็ดูจะเป็นตอนจบที่ทุกอย่างลงตัว
…แต่จริงๆแล้วมันสมควรจะเป็นแบบนั้นรึเปล่า?
มนุษย์ทั่วๆไปอย่างเราๆ ก็น่าจะเคยช่วยใครหลายคน และก็อาจจะพลั้งเผลอทำร้ายใครลงไปเช่นกัน จะเห็นว่าเราอาจจะไม่ต่างจาก จีน เกรย์ เลย
ถ้ามองด้วยสายตาที่ปราศจากอคติ ความต่างของเผ่าพันธุ์ การมียีนส์กลายพันธุ์ ทำให้ผลกระทบที่เธอทำ อาจจะมีมากยิ่งกว่าคนธรรมดาก็จริง แต่ถ้าเราลองมองว่าจีน เกรย์ไม่ได้มีพลังแบบในหนัง แต่เป็นคนชายขอบทั่วไปในสังคม อย่างที่เหล่า X-Men เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของคนกลุ่มนี้มาโดยตลอด
เราจะยังมองคนชายขอบด้วยสายตาที่มีอคติอยู่หรือไม่?
ขอจบบทวิเคราะห์แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ
สวัสดีครับ