คำเตือน : มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่องแทบทั้งหมด (Spoil) แต่ไม่ได้เน้นไปที่การเล่าเรื่องนะครับ แนะนำให้ดูหนังก่อนอ่านครับ ทั้งนี้ผมได้ลงรีวิวแบบไม่สปอยล์ไว้ที่นี่นะครับ >> รีวิว Joker โจ๊กเกอร์
1.Joker เป็นผู้ถูกกระทำโดยสิ่งแวดล้อมและสังคมตลอดชีวิต
ถ้ามองจากช่วงชีวิตของอาเธอร์ที่เราเห็นในหนังเราจะพบว่าอาเธอร์ป่วย แล้วยังถูกทำร้าย แต่หากมองย้อนไปในสิ่งที่หนังเล่าผ่านหลักฐานต่างๆ เราจะพบว่าตั้งแต่วัยเด็กอาเธอร์อาจจะเป็นเพียงเด็กชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่โชคร้ายได้มาอยู่กับแม่เลี้ยงที่มีอาการป่วยทางจิต และพ่อเลี้ยงที่ทำร้ายเขาจนได้รับการกระทบกระเทือนที่สมองอย่างรุนแรงจนทำให้ป่วย ซึ่งตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาก็ยังโดนสังคมทำร้ายในรูปแบบต่างๆ เช่น
- ยาที่เคยกินก็ถูกตัดจากหน่วยงานสังคมสงเคราะห์
- ปืนที่เพื่อนร่วมงานมอบให้ ก็เพื่อใช้กำจัดเค้าออกไป เพื่อจะได้มาเป็นนักแสดงตลกแทน
- แม่เลี้ยงที่ป่วยและเป็นต้นเหตุของอาการป่วยของอาเธอร์ ก็ยังสามารถอยู่กับลูกเลี้ยงต่อได้ ทำให้อาเธอร์มีแต่ต้องทนทุกข์ต่อไป ซึ่งถ้าระบบของสังคมดีพอ ควรจะช่วยให้อาเธอร์หลุดพ้นจากแม่เลี้ยงแบบนี้
- อาเธอร์ออกไปทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นตัวตลก ก็ถูกทำร้าย และทำลายข้าวของ ซึ่งไม่มีใครยื่นมีเข้าช่วยเหลือ
อาการป่วยของเขาที่หัวเราะไม่สัมพันธ์กับอารมณ์ ผลักเขาไปอยู่สุดขอบของสังคม คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ และไม่มีใครพยายามจะเข้าใจ ทุกคนจึงหลีกห่างจากเขา สายตาที่แม่ของเด็กที่อาเธอร์เล่นบนรถประจำทางเป็นสายตาที่เหยียด แม้แต่การเจอกับชาย 3 คนบนรถไฟ ก็ไม่เคยมีใครสนใจว่าอาเธอร์ป่วยอะไร คนที่เข้าใกล้อาเธอร์ล้วนแล้วแต่สร้างบาดแผลให้อาเธอร์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
มันเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับชีวิตคนๆหนึ่ง ที่มีแต่ความทุกข์ ไม่เคยมีความสุขใดๆเลย
2.ฐานะทางสังคม กับการตัดสินคนจากภายนอก
Thomas Wayne เข้าข้างพนักงาน 3 คนของบริษัทตัวเองทันที แม้จะไม่อยู่ในเหตุการณ์ เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนหลายอย่างมาก การที่ฉากหน้าดูเป็นคนดีไม่ได้แปลว่าฉากหลังจะเป็นคนดีเสมอไป ในมุมของ Thomas Wayne เองก็เข้าใจได้ว่าทำไมถึงมองโลกแบบนี้ Thomas เชื่อใจคนในองค์กรของตน มีหน้ามีตา มีงานทำ และยิ่งกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของตนด้วยแล้ว มาเทียบกับฆาตกรฆ่า 3 ศพ แม้ว่าเราจะไม่รู้จักฆาตกร แต่คงไม่มีใครเข้าข้างฆาตกรแน่นอน
ซึ่งถ้าจะมองว่าเป็นความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นระหว่างชนชั้นกลาง กับชนชั้นล่างก็ได้ ที่คนเรามักจะเชื่อถือคนที่อยู่ในชนชั้นที่อยู่สูงกว่า มากกว่าคนที่อยู่ในชนชั้นที่ต่ำกว่า แต่นั่นก็คือมุมมองแบบเหมารวม การมีเงิน มีหน้ามีตา มีการงานที่ดีทำ ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าใครเป็นคนดีกว่าใคร มันเป็นแค่เปลือกที่ห่อหุ้มคนๆหนึ่ง และไม่แปลกที่เมื่อมองจากมุมที่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด คนเราอาจจะเข้าข้างคนที่มีฐานะทางสังคมดีกว่า
3.ลูกที่ไม่ถูกยอมรับของ Thomas Wayne?
ตอนแรกแอบอึ้ง ที่หนังเฉลยว่า อาเธอร์เป็นลูกของโทมัส เพราะนั่นจะทำให้ Joker กลายเป็นพี่ชาย (ต่างแม่) ของแบทแมนทันที มันเป็นซีนที่เรารู้สึกว่าพีคมาก และไม่อยากเชื่อว่าผู้กำกับจะกล้าเล่น แต่หนังได้เดินเรื่องต่อไปว่า Thomas ไม่ยอมรับอาเธอร์ เพราะจริงๆแล้วแม่ของอาเธอร์นั้นเสียสติ และอาเธอร์ไม่ใช่ลูกของเขาจริงๆ
ถ้าถ้าถามว่า Thomas ใจร้ายหรือไม่ ผมคิดว่าไม่นะ ลองคิดดูว่าถ้าเป็นคุณ อยู่ดีๆมีลูกเลี้ยงของอดีตพนักงาน ซึ่งพนักงานคนนี้คอยย้ำคิดย้ำทำว่ามีลูกกับคุณ ก็คงไม่มีใครปลื้มใจและอยากโผกอด ชายที่คิดว่าเป็นตัวเองเป็นลูกของคุณแน่นอน เพราะน่าจะโดนแม่เลี้ยงปลูกฝังมาแบบผิดๆ นอกจากนี้มันยังอาจนำมาซึ่งปัญหาในครอบครัวของคุณเข้าไปอีก
ผมมองว่า Thomas ก็คือคนหนึ่งคนที่ซวย และถูกหยิบยกมาในเหตุการณ์นี้ แต่หนังเลือกที่จะนำเสนอภาพของอาเธอร์ที่เข้าใจได้ยากกว่าว่าอะไรผันเขาไปสู่ Joker ซึ่งนี่แหละที่ทำให้เรารู้สึกว่า Gotham ในหนังเรื่องนี้มันน่ากลัว และค่อนข้างโหดร้ายกับ อาเธอร์พอสมควรเลย
4.การเป็นตัวตลก ไม่ตลก
แม้จะประกอบอาชีพนักแสดงตลก เพื่อเรียกเสียงหัวเราะให้คนดู แต่การเป็นนักแสดงตลก กับการเป็นตัวตลกของคนอื่นมันไม่เหมือนกัน คนไม่ได้ขำมุกของอาเธอร์เลย แต่เมื่อ Murray Franklin พิธีกรรายการตลกนำคลิปของเขามาออกรายการ และทำให้เขากลายเป็นตัวตลก แม้คนดูจะหัวเราะเหมือนกัน แต่การขำให้กับมุกตลก กับการขำให้ตัวตลกนั้นต่างกัน ซ้ำร้าย Murray Franklin ดันเป็นหนึ่งในไอดอลของอาเธอร์ ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าบางฉากในหนังจะเป็นการหลอนไปเองของอาเธอร์ แต่ก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่าอาเธอร์ในตอนท้ายนั้นเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะแผดเผาผู้คนรอบข้างตลอดเวลา
การเล่นมุกตลกที่ดีนั้นไม่จำเป็นต้องทำให้คนอื่นกลายเป็นตัวตลก โดยการเหยียดหยาม ดูถูกดูแคลน แม้ว่าคนอื่นจะตลก แต่คนที่ถูกทำให้เป็นตัวตลกนั้น มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย มันมีแต่จะสร้างความเจ็บปวดและบาดแผลให้กับผู้ถูกกระทำ รอยยิ้มที่คนอื่นหัวเราะใส่ตัวตลก ก็อาจจะไม่ต่างกับการหัวเราะของอาเธอร์ ที่ทุกครั้งที่เขาหัวเราะ ในใจของเขากลับขมขื่นสุดระทม เพียงแต่การสร้างตัวตลกมันไม่ได้ทำให้รอยยิ้มและความขนขื่นเกิดขึ้นกับคนๆเดียวกัน จนกว่าตัวตลกคนนั้นจะทำให้เจ้าของรอยยิ้ม พบกับความขมขื่นเหมือนกับตนบ้าง เหมือนที่อาเธอร์ทำกับ Murray Franklin นั่นเอง
5.Joker กับความไร้ตัวตน และการตอบโต้สังคม
อาเธอร์นั้นเหมือนคนไร้ตัวตนมาโดยตลอด มีตัวตนเมื่อถูกรังแก แต่ไม่เคยตอบโต้ แต่เมื่อเขาตอบโต้ครั้งแรกด้วยการยิงชาย 3 คนบนรถไฟ นั่นคือการตอบโต้เป็นครั้งแรก และแทนที่เขาจะรู้สึกไม่ดี แต่เขากลับไปเต้นในห้องน้ำแทน ผมคิดว่านั่นอาจจะเป็นจุดแรกเริ่มที่เปลี่ยน และแสดงให้คนดูเห็นถึงความไม่ปกติของเขาอย่างชัดเจน
แต่มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการตอบโต้ เพราะวันถัดมาก็มีข่าวเรื่องตัวตลกยิงชาย 3 คนโผล่ออกมา อาเธอร์ไร้ตัวตน แต่ Joker ซึ่งก่ออาชญากรรมกลับมีตัวตนให้ทั้งเมืองรับรู้ และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เชิงชนชั้น มีม๊อบหน้ากากตัวตลกเกิดขึ้น ซึ่งบางคนในม๊อบนั้นอาจจะไม่เคยสนใจใยดีในตัวอาเธอร์ด้วยซ้ำไป เพราะอาเธอร์เหมือนอยู่ในหุบเหวที่ลึกกว่าชนชั้นของคนที่ออกมาประท้วงมากนัก
มีอยู่ฉากนึงที่แม่ของอาเธอร์ป่วยและเขายังไม่รู้ความจริง อาเธอร์จึงไปเยี่ยม และโดนตำรวจมาสอบสวน จังหวะที่แยกจากตำรวจ ประตูอัตโนมัติไม่เลื่อนเปิดให้เขา ฉากนี้เหมือนเป็นสัญลักษณ์แห่งความไร้ตัวตนของเขา แม้ว่าประตูที่เขาไปจะเป็นประตูทางออก ไม่ใช่ประตูทางเข้าก็ตาม ในขณะที่หน้ากากตัวตลกกลับกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ ลงทั้งหนังสือพิมพ์และคนในเมืองส่วนหนึ่งยกย่องให้เป็นไอดอล
ส่วนตัวผมแอบมองว่าหนังคล้ายกับแบทแมนในฉบับของโนแลน ที่แบทแมนถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความกลัวของอาชญากรในเรื่อง ในขณะที่หนังเรื่องนี้เหมือนสื่อว่า Joker และหน้ากากตัวตลกเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เชิงชนชั้นในเรื่องเช่นกัน
และท้ายที่สุดแล้วหนึ่งในคนใส่หน้ากากตัวตลก ก็ได้บุกเข้าไปในตรอกมืดๆ และฆ่า Thomas Wayne และภรรยา ต่อหน้าเด็กน้อยที่เรารู้กันดีว่าเขาจะเกิดเป็นแบทแมน ผมคิดว่านอกจากจะเป็น Easter Egg แบบชัดเจนแล้ว มันเหมือนว่า Joker และ Batman คือคู่ปรับตลอดกาลที่แท้จริง ต่างฝ่ายต่างสามารถสร้างตัวตนของอีกฝ่ายขึ้นได้เช่นกัน ฮีโร่แบบ Batman สามารถสร้าง Joker ได้ และวายร้ายแบบ Joker ก็สามารถสร้างฮีโร่แบบ Batman ได้เช่นกัน
ซึ่งทำให้ผมคิดว่าฉากหัวเราะในตอนท้ายเรื่องของ Joker เป็นอะไรที่มีนัยยะไม่ใช่เพียงกับหมอที่มาคุยกับ Joker แต่รวมถึงเรื่องราวการกำเนิดของแบทแมนที่หนังตัดสลับไปหา Bruce Wayne ที่สูญเสียพ่อแม่ไปจากเหตุจลาจลเช่นกัน