หมายเหตุ: ละครฉายจบแล้ว บทวิเคราะห์นี้ผมจะเขียนโดยสปอยล์เนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะครับ
1.ปมแห่งความขัดแย้งตระกูลจิระอนันต์
แม้เนื้อเรื่องจะเฉลยทั้งหมดแล้วว่าอาม่าไม่ได้เป็นคนสั่งให้คริสใส่ยาพิษให้พิมกิน (ภรรยาคนแรกของเมธ) แต่จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด ผมมองว่าอยู่ที่ความลำเอียงของอาม่าและอากงนั่นแหละ และเนื่องจากอากงในเรื่องไปสวรรค์ตั้งแต่ตอนแรก เราจึงเห็นความลำเอียงของอากงผ่านพินัยกรรมเท่านั้น
แต่กับอาม่าที่บอกว่า “ไม่เคยเลี้ยงลูกให้ฆ่ากัน” เราเห็นทั้งฉากคีบก้ามปูให้ประเสริฐ และเมธ ทิ้งความน้อยเนื้อต่ำใจให้ภัสสร การซื้อของรับขวัญหลานที่ยังไม่เกิดที่ไม่เท่าเทียม และเมื่อคริสแท้งก็เหมือนโดนทอดทิ้ง ซึ่งคริสเป็นสะใภ้จึงไม่ได้โดนกระทำจากอาม่าแบบนี้มาตั้งแต่เกิด ในขณะที่ภัสสรเองก็อยากได้รับความรัก ความเอาใจใส่ เหมือนอย่างตอนที่มีอี้เป็นหลานเพียงคนเดียวต่อไป เมื่อคริสวางยา ภัสสรจึงไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด
ในขณะเดียวกันตัวประเสริฐเองก็เป็นคนที่เห็นแก่ตัว เราจะเห็นได้จากการตบหน้าภัสสรกลางล็อบบี้โรงแรม ไม่ไว้หน้าน้องแม้แต่น้อย พูดแทงใจดำเมธ ทั้งๆที่เมธก็สมควรเสียใจ แต่กลับบอกให้ปล่อยผ่านไป นอกจากปลาหมอจะตายเพราะปากแล้ว ก็เห็นจะมีประเสริฐนี่แหละ ที่เป็นอีกคนที่ตายเพราะปากและความเห็นแก่ตัวของตัวเอง
และทุกคนก็เลือกที่จะปิดความลับทั้งหมดไว้ เพื่อให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวยังไปได้ต่อได้ แม้ว่าจะมีการนองเลือดในบ้านเกิดขึ้นแล้วก็ตาม ทิ้งให้เมธจมอยู่กับความเศร้าร่วม 20 ปี ไม่ได้ทำงานทำการใดๆ
2.กรรม…ผลแห่งการกระทำ
ละครเรื่องนี้สะท้อนเรื่องกรรมออกมาชัดเจนมากๆ ตั้งแต่เต้ยที่ติดกล้องแอบถ่าย ทำให้ตัวเองพัวพันกับการถูกใส่ร้าย ซึ่งก็นับเป็นกรรมของภัสสรด้วยที่ในอดีตเคยปิดเงียบไม่ช่วยเมธ พอครั้งที่เมธทำผิด แม้จะมีเวกัสหาหลักฐานได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยภัสสรแต่อย่างใด ซึ่งช่วงแรกๆบ้านภัสสรโดนทั้งตัวเอง ทั้งเต๋าที่เป็นดารา ต้องโดนสื่อรุมถาม สามีที่เป็นตำรวจน้ำดี แต่โดนมองว่าช่วยเมีย และอี้ที่สุดท้ายแล้วโดนสังคมประณามเพราะไม่เลือกวิธีการที่ช่วยน้อง
เหม่เหมที่ป้ายสีเต้ย ทำให้สุดท้ายแล้วอี้จับพิรุธได้ว่าเมธนั่นแหละที่น่าจะเป็นคนยิง เมื่อมาผสมกับที่เวกัสปกปิดหลักฐานเพื่อช่วยเมธเหมือนกัน เลยกลายเป็นว่าเหตุการณ์เลยเถิดไปถึงจุดที่เมธต้องการยิงตัวตายที่ฮ่องกง ซึ่งบอบช้ำกับทุกฝ่ายมากกว่าเดิม เพราะในจุดๆนั้นทั้งเหม่เหมและเวกัสน่าจะยอมรับกับการติดคุกได้มากกว่าการเสียเมธไปตลอดกาล ซึ่งถ้าเหม่เหมไม่ไปป้ายสีเต้ย ก็คงไม่มีใครจับคนร้ายในคดีนี้ได้ไปแล้ว เพราะปืนหายสาบสูญ หรือถ้าเวกัสเอา Harddisk ให้ตำรวจหลังจากเมธหนีไปฮ่องกงสำเร็จ เรื่องก็อาจจะเดินไม่ถึงจุดที่อี้ทำการสำเร็จเช่นกัน
คริสซึ่งวางยาและปลอมพินัยกรรม ทำให้พีทลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่เชื่อใจอีกต่อไป และเปลี่ยนมุมมองต่อแม่ของตัวเองใหม่อย่างสิ้นเชิง และไม่ได้คุยกับแม่เป็นเดือนๆ ซึ่งก็เป็นความปวดใจอย่างยิ่ง เพราะคริสทุ่มเททุกอย่างเพื่อพีท แต่ความเลวร้ายเหล่านั้นเอง ได้ย้อนกลับมาทิ่มแทง และทำให้ความสัมพันธ์ของคริสและพีทไม่เหมือนเดิม
อาม่าที่รับผลกรรมแห่งความลำเอียงด้วยการที่ลูกชายที่ตนรักที่สุดสองคน คนหนึ่งโดนยิง อีกคนหนึ่งติดคุก แม้ฉากสุดท้ายจะเหมือนเคลียร์ปมอาม่าและภัสสรด้วยการคีบอาหารให้ และบอกว่าคีบให้ภัสสรคนเดียวไม่แบ่งใคร แม้จะดูเหมือนสำนึกได้ว่าทำให้ลูกน้อยใจ แต่เราก็แอบอดคิดไม่ได้ว่า ก็อาม่าไม่เหลือเฮียๆทั้งสองที่เป็นลูกรักแล้วยังไงล่ะ ถึงได้คีบให้ภัสสร
3.อี้ พีท เหม่เหม เวกัส เลือดข้นคนจาง
4 ทายาทตระกูลจิระอนันต์จากบ้านภัสสร ประเสริฐ เมธ และกรกันต์ ที่สะท้อนความเข้มข้นของสายเลือดที่ชัดเจน
อี้นั้นเพื่อช่วยภัสสรทำให้ขัดแย้งกับพีท เพราะโยนบาปชิ้นโตอย่างเรื่องการจ้างนักสืบ และการเอาปืนไปจ่อนิภาให้คริสไปเคลียร์กับตำรวจ ต่อมาก็ทำทุกอย่างเพื่อช่วยเต้ย จนทำให้ลดความเป็นคนลง จากการบีบบังคับให้เมธซึ่งชอกช้ำอยู่แล้ว ไปพบกับคริส และสร้างสถานการณ์ที่โหดร้ายขึ้นมา
ในส่วนของพีทจะเห็นจากฉากที่ชกกันกับอี้ว่า พีทโวยวายว่าทำไมอี้ต้องทำแบบนี้ ไม่บอกกันก่อน …คือถ้าบอกชัดๆว่าจะทำแบบนี้ จะมีใครสารภาพมั้ยหนอ และตอนแรกอี้ก็เคยไปบอกพีทแล้วว่าอยากคุยกับคริสให้รู้เรื่อง แต่พีทก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร และไม่เชื่อด้วยซ้ำ ถึงพีทจะรักความยุติธรรม แต่การเอาแม่ตัวเองไปเสี่ยงกับปืนในมือเมธ แม้จะรู้ชัดๆว่าแม่ตัวเองเป็นตัวเริ่มเรื่อง ก็เป็นสิ่งที่ทำให้พีทมองว่าอี้ไม่ใช่พี่ของตน แต่พีทมองเต้ยว่าน้องของตนรึเปล่านะ คือถ้าไม่ใช่เลือดข้นคนตระกูลตัวเอง ก็อาจจะไม่รู้สึกเหมือนที่อี้รู้สึก
เหม่เหมค่อนข้างชัดเจนว่าช่วยเมธเต็มตัว ซึ่งก็ป้ายสีให้เต้ยได้อย่างหน้าตาเฉยและตาใสมากในตอนแรก เรียกว่าไม่มีความเห็นใครเป็นญาติหรือเป็นอะไรทั้งนั้น จะช่วยพ่อคนเดียว ส่วนเวกัสที่ตอนแรกเหมือนจะเป็นความหวังของคนดู ก็เต็มใจช่วยเมธมากกว่า เพราะผูกพันกับเมธมากกว่าคนอื่นๆในตระกูล โดยทิ้งเต้ยให้เป็นแพะในคุกเหมือนเดิม
4.บ้านกรกันต์ ซีนน้อย แต่วิธีการใช้ชีวิตดีมาก
แม้จะปรากฎตัวน้อยฉาก และดูจะไม่ทำอะไรกับธุรกิจในกงสีเลย ใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ แต่บ้านหลังนี้กลับเป็นบ้านที่มีแนวคิดในการใช้ชีวิตน่าสนใจมาก
“เรื่องเรียนป๊าไม่ซีเรียส”
“คนตายก็พี่ชายป๊า คนยิงก็พี่ชายป๊า คนเก็บฮาร์ดดิสก์ได้ก็ลูกชายป๊า”
แม้จะดูเป็นคนไม่สนโลกใดๆ แต่กรกันต์คือคนที่ใช้ชีวิตอย่างปล่อยวางและมีความสุขที่สุดในตระกูลจิระอนันต์นะ ด้วยมรดก หุ้นมูลค่า 750 ล้าน คงใช้ไม่หมดอยู่แล้ว จนถึงรุ่นเวกัสกับมาเก๊าด้วยซ้ำ แล้วจะจริงจังกับทุกเรื่องไปทำไม อย่างเรื่องเรียน เรียนจบอะไรมาก็มีกินมีใช้ไม่อดตาย
เรื่องฮาร์ดดิสก์ คนก็ตายไปแล้ว ติดคุกไปแล้ว เก็บไว้ลูกก็จะเครียดเปล่าๆ ทิ้งไปเลยสบายใจทุกฝ่าย ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะสร้างรอยแผลให้แก่กันอีก ภาพที่เห็นมันก็คงไม่ได้น่าดู มีแต่จะเครียดเปล่าๆ กรกันต์เลยไม่ได้เปิดไฟล์นั้นด้วยซ้ำ
นอกจากนี้เรื่องธุรกิจโรงแรม ตั้งแต่งานศพของประเสริฐก็แสดงตัวชัดเจนว่าจะเจรจากับภัสสร จะซื้อหุ้นหรือยังไงก็ได้ แต่อยากให้ภัสสรบริหารโรงแรมต่อ เอาเข้าจริงนี่แหละคือคนฉลาด และเหมาะกับการเป็นเสือนอนกินสบายๆ คือต่อให้งกหุ้นโรงแรมไว้ แล้วให้คนอื่นบริหาร ก็ใช่ว่าจะรู้จักกิจการดี และเชื่อใจได้เท่ากับภัสสร ในเมื่อภัสสรอยากทำก็ทำไปสิ กรกันต์ขอเอาเงินปันผลไปเที่ยวชิวๆสบายๆดีกว่า
การทำแบบประเสริฐที่หักหน้าภัสสรกลางล็อบบี้ นอกจากจะสร้างรอยร้าวในครอบครัวแล้ว ยังทำให้กิจการที่พัทยามีปัญหาอีกต่างหาก เพราะแม้จะใช้อำนาจไล่ภัสสรออกได้ แต่ก็ไม่ได้มีผลดีทั้งต่อครอบครัวและโรงแรมเลย สุดท้ายแล้วเมื่อโรงแรมตกถึงมือพีท พีทก็ยังเด็ก ต้องเชิญภัสสรมาบริหารอยู่ดี
5.ชีวิตต้องก้าวต่อไป
แม้ตระกูลจิระอนันต์จะพบกับความสูญเสียและร้าวฉานระดับที่มองหน้ากันไม่ติดไปเป็นปี แต่อาม่ายังอยู่ ทุกคนก็กลับมากินข้าวกันพร้อมหน้า ธุรกิจของครอบครัวก็ยังต้องเดินต่อ บ้านภัสสรยังช่วยบริหารงานกงสีอยู่ ส่วนบ้านพีทและกรกันต์ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นหลัก ถ้ายังขัดแย้งกันต่อไป ก็คงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น
อาจจะมีบางคู่ที่มองหน้ากันไม่ติดอย่างเหม่เหมกับเต้ย ที่เป็นคู่กรณีกันโดยตรงถึงสองคดี (แอบถ่าย/ป้ายสี) ส่วนกรณีของอี้กับพีท ถ้ามองมุมกลับกันนิดเดียว ต่างคนต่างก็ช่วยเหลือและปกป้องครอบครัวของตัวเอง มันก็ยังเป็นมุมองที่พอรับได้
สุดท้ายแล้วเพื่อให้ชีวิตของทุกคน ครอบครัว และธุรกิจกงสีของตระกูลจิระอนันต์ไปต่อได้ ทุกคนจึงต้องกลับมาคุยกัน ให้อภัยกัน เหมือนที่เมธพูดกับภัสสรว่า ให้อภัยและชีวิตต้องก้าวต่อไป