คำเตือน : บทวิเคราะห์นี้สปอยล์เพียบ และหนังเรื่องนี้สามารถตีความได้หลากหลายมาก ดังนั้นถ้าอ่านก่อนดู อาจจะทำให้เสียอรรถรสในเชิงการชี้นำเนื้อหา อยากให้ไปดูกันมาก่อนจริงๆครับ หนังดีมากสำหรับคนชอบหนังที่ต้องตีความเยอะๆ ใครกลัวพลาดลองอ่าน รีวิว Burning แบบไม่สปอยล์ ดูก่อนครับ
Burning เป็นหนังเรื่องนึงที่ร้ายกาจมาก จนถึงตอนนี้ตะกอนของเชื้อเพลิงในหนังเรื่องนี้ยังคุกรุ่นอยู่ในใจเรา
คิดไม่ผิดจริงๆที่ให้คะแนนไว้ในกลุ่มหนังยอดเยี่ยม (ตั้งแต่ 9 คะแนนขึ้นไป) บทความนี้จะเป็นการตีความตามความเข้าใจ ณ ขณะนี้ และมันอาจจะถูกหักล้างได้ ถ้าเราสามารถตีความในรูปแบบใหม่ๆได้อีก
1.จงซู ผู้อยู่กับความเงียบงัน และกดดัน
ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยปัญหาในชีวิต
แม่ทิ้งไปตอนเด็ก เขาเคยเผาเรือนเพาะชำ
พ่อควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และกำลังจะติดคุก
หญิงสาวคนเดียวที่เขาหลงรัก ก็หายสาบสูญ
ตลอดทั้งเรื่องเราแทบจะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร
ไม่สิ…ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง อาจจะต้องบอกว่า
เราจะรู้ได้จากการตีความการกระทำ คำพูดและสีหน้าของเขาเท่านั้น
ซึ่งเราก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมจุดจบของเรื่องถึงเป็นการระเบิดความโกรธแค้นออกมา
2.เบน ผู้ร่ำรวย และลึกลับ ผู้ออกค้นหาบางสิ่งที่ขาดหายในชีวิต
ชายหนุ่มที่แฮมีบอกว่าพบเจอกันที่แอฟริกา เราแทบไม่รู้อะไรเลยนอกจากเค้ารวยมาก
และจากคำพูดของแฮมีในหลายๆเรื่อง ทำให้เราอาจจะต้องทบทวนว่า สองคนนี้ไปเจอกันที่แอฟริกาจริงรึเปล่า
ซึ่งพฤติกรรมสุดแปลกจากคำบอกเล่าของเบน คือ เขาบอกว่าเขาจะเผาเรือนเพาะชำทุกสองเดือน
ซึ่งหนังไม่ได้เฉลยอย่างชี้ชัดว่าเขาไปเผาที่ไหน และอย่างไร นี่เป็นสิ่งที่สามารถตีความได้เยอะมาก
แต่สิ่งหนึ่งที่เรามั่นใจได้จากในหนังเลยคือ จงซูเป็นหนึ่งในผู้ถูกแผดเผาจากคำพูดและการกระทำของเบน
3.แฮมี ต้นเพลิงแห่งไฟราคะ ที่แผดเผาชายหนุ่มทั้งสอง
“ไปให้อาหารแมวที่ห้องฉันหน่อยสิ”
จุดเริ่มต้นแห่งเปลวเพลิงทั้งหมด เกิดจากแฮมี ซึ่งชวนจงซูขึ้นห้อง แล้วก็ไปมีอะไรกัน
เอาจริงๆ ทุกอย่างของแฮมีล้วนแปลกไปหมด แม้เธอจะดูเหมือนพลีกายให้จงซูง่ายๆ
แต่เธอรักจงซูจริงหรือ?
หรือแท้จริงแล้วเธอเข้าหาจงซูเพื่อที่จะแผดเผาจิตใจของจงซูตั้งแต่แรก
แม้อดีตที่เธอเล่า เธอจะจดจำจงซูไว้ว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตเธอจากบ่อน้ำ
แต่กลับไม่มีใครในเรื่องที่จำได้แม้แต่คนเดียว
แม้แต่บ่อน้ำ เรายังไม่แน่ใจเลยว่ามีอยู่จริงมั้ย
ประกอบกับคนในครอบครัวของแฮมีบอกว่าเธอขี้โม้
ซึ่ง…ตลอดทั้งเรื่องแฮมีก็ไม่เคยกลับไปเจอกับครอบครัวแฮมีเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จะบอกว่าเพราะติดหนี้ …แต่ลงทุนกลับไปถึงบ้านเกิดแล้วนี่นะ
แถมไปกับชายหนุ่มผู้ร่ำรวย แต่ไม่กลับบ้านไปโม้แม้สักนิด
หน้าตาเธอก็สะสวยใช่ย่อย แต่จงซูกลับจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อยว่าเคยมีเพื่อนคนนี้
แม้จะบอกว่าศัลยกรรม แต่จะพลิกหน้าตาไปจนไม่เหลือเค้าเดิมเลยหรือ?
แล้วรายละเอียดที่แฮมีกับจงซูรู้จักกัน จะเลือนรางถึงขนาดที่จงซูแทบจะจำอะไรไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือ?
หรือแท้จริงแล้วแฮมีในหนัง ไม่ใช่แฮมีที่จงซูเคยรู้จักเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
4.ความอิจฉา การเปรียบเทียบ และการตีความเอาเอง
ภาพของรถเก่าๆของจงซู เทียบกับ รถสปอร์ตคันงามของเบนแล้ว
เราอาจจะพูดได้ว่าลึกๆแล้วจงซูน่าจะอิจฉาเบนอยู่ไม่น้อย
และเบนมักจะอยู่กับแฮมี บ่อยกว่าจงซู
เพราะแฮมีมักจะโทรตามจงซูมาหา เวลาที่เธออยู่กับเบน
หลังจากแฮมีรู้จักกับเบนแล้ว แทบไม่มีจังหวะที่แฮมีและจงซูจะได้อยู่ด้วยกันสองคนเลย
ยกเว้นแต่ตอนสูบบุหรี่ในบ้านของเบนเท่านั้น
การจัดปาร์ตี้ของเบนและกลุ่มเพื่อน
ที่เหมือนการเล่นสนุกไปวันๆ ที่ฉายวนให้ซ้ำถึงสองครั้ง
มันเหมือนพิธีกรรมอะไรบางอย่าง เพราะ 2 ฉากนี้ต่างกันแค่แฮมี กับผู้หญิงคนใหม่ของเบน
รวมถึงของใช้ผู้หญิงในห้องของเบน
ที่่มีนาฬิกาของแฮมีมาเพิ่มหลังจากแฮมีหายตัวไป
เบนจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปมั้ย
จริงๆแล้วการเผาของเบน คือ ลักพาตัวผู้หญิงไปเผา ไปฆ่า ไปขาย
หรือ เป็นการให้ผู้หญิงคนหนึ่งมา หลอกผู้ชายให้หลงรัก แล้วหายตัวไป
เราแทบไม่รู้อะไรเลย ต้องตีความเอาเองล้วนๆ
แต่การที่นาฬิกาแฮมีอยู่กับเบน
ในมุมมองของจงซู แทบจะมองเป็นอื่นไม่ได้เลยว่า
แฮมีไปไหนไม่รู้ แต่เบนต้องรู้อะไร หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรแน่ๆ
โทรศัพท์สายสุดท้ายของแฮมี ซึ่งมีเสียงรูดซิบ
ที่ไม่มีเสียงพูดอะไรเลยก่อนตัดสายไป
เป็นปริศนาที่ชวนให้สงสัยของเรื่องมากๆ
เพราะนั่นทำให้เราคิดว่าแฮมีคงโดนทำอะไรสักอย่างไปแล้ว
และที่น่าสงสัยก็คือ…หลังจากแฮมีหายไป เบนก็ไม่ค่อยติดต่อกับจงซูด้วย
มีแต่จงซูที่ติดตามเบน จนคล้ายกับว่า เบนเลิกยุ่งกับจงซู เพราะทำภารกิจอะไรบางอย่างสำเร็จไปแล้ว
หรือเรือนเพาะชำที่เบนเผา คือจิตใจของจงซูนั่นเอง
5.ความผิดของคนอื่นยิ่งใหญ่กว่าตัวเองเสมอ
ฉากสุดท้ายของหนังเรื่องนี้จบลงด้วยความตายของเบน
ซึ่งจากเนื้อหาทั้งหมด คงเดาไม่ยากว่าจงซูโทษเบน ที่แฮมีหายตัวไป
เราไม่รู้หรอกว่าเบนมีส่วนจริงมั้ย มากน้อยแค่ไหน
การเรียกแมวว่า Boil แล้วมันเดินมาหา ไม่ได้แปลว่าแมวมันชื่อนั้น
แต่ที่เราจำได้อย่างหนึ่งคือ จงซูเปรียบเปรยแฮมีว่าทำตัวเหมือนอีตัว
(ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ แต่จากซับ คือคำนี้เลยตรงๆ)
ในตอนที่เธอเปลื้องผ้าที่ลานหน้าบ้านของจงซู
ซึ่งทำให้เธอโกรธจงซูไม่น้อย
เอาเข้าจริงถ้าคิดจะเป็นแฟนกับแฮมี
ประโยคนี้ก็ไม่สมควรจะพูด แม้การกระทำของแฮมีจะไม่เหมาะสมก็ตาม
ซึ่งหลังจากนั้นถ้าแฮมีจะหายตัวไปเอง ไม่อยากติดต่อจงซูก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่กลายเป็นว่าการหายไปของแฮมี ทำให้ความสุขสุดท้ายของจงซูหายไป
และนั่นทำให้จงซูต้องหาคนที่ดูเหมือนจะผิดยิ่งกว่าตัวเอง
คนๆนั้นก็คือเบนนั่นเอง
เพราะเบนคือจุดเริ่มต้นทั้งหมดของการหายไปของแฮมี
หลังเบนเจอกับแฮมีแล้ว แฮมีสนใจจงซูน้อยลง
เบนเป็นคนขับรถหรูไปส่งแฮมีที่บ้านตัวเอง และบ้านของจงซูด้วย
เบนเอากัญชาให้จงซูกับแฮมีปุ๊น ก่อนที่แฮมีจะถอดเสื้อ
เบนมีนาฬิกาของแฮมี ไม่ว่าจะเป็นของแทนใจที่แฮมีให้เบนเอง หรือเบนเอามาเอง
นั่นมันก็นาฬิกาที่จงซูยกให้แฮมีไว้
ทั้งหมดนั่น…ถ้าลองดูดีๆแล้ว ยังไม่มีข้อไหนที่ชี้ชัดถึงความผิดของเบนที่ทำต่อแฮมี
แม้ว่าตอนดูเราจะเกิดอารมณ์ร่วมปนหมั่นไส้ในความร่ำรวยและหรูหราของเบน
แต่ประโยคที่ทำให้แฮมีไม่พอใจ จริงๆแล้วมาจากปากของจงซูมากกว่า
ซึ่งก็เหมือนว่าหลังจากนั้น เขาก็ทำเป็นลืมๆไปว่านี่เป็นหนึ่งในประโยคที่อาจจะมีส่วนให้แฮมีโกรธและหายตัวไป
หรือแท้จริงแล้วจงซูนั้น พร้อมที่จะโทษคนอื่นนอกจากตัวเอง และเบนเป็นเพียงผู้รับเคราะห์ที่บังเอิญมารู้จักกับคนอย่างจงซูเท่านั้น นี่เป็นหนังที่แทบจะตัดสินความผิดของตัวละครอย่างชี้ชัดไม่ได้เลยเกี่ยวกับการหายไปของแฮมี แม้ว่าหนังจะมีบทสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกระทำของจงซูในตอนจบก็ตาม
———————————————————–
โดยรวมแล้วนี่ก็อาจจะเป็นเพียงบทวิเคราะห์และการตีความหนึ่งซึ่งมันไม่ใช่ทั้งหมดของหนัง
เชื่อว่าใครที่ดูแล้วย่อมตีความได้หลากหลาย และมีข้อสงสัยเต็มไปหมด
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นหนึ่งในหนังที่วางพลอตเรื่องได้เฉียบคมมากจริงๆ
เชื่อว่าถ้าได้ดูซ้ำอีกครั้ง น่าจะต้องมีบางฉาก บางความรู้สึก ที่ทำให้คิดต่างออกไปจากเดิมครับ
